ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 เมื่อคืนวันที่ 10 มี.ค. “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เปิดรังเอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ต้อนรับการมาเยือนของ “เปแอสเช” ปารีส แซงต์ แชร์กแมง หลังจากนัดแรกบุกไปแพ้มาก่อน 0-1 เกมนี้ คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือเจ้าบ้านไม่มี คาซิเมโร่ ติดโทษแบน แต่ได้ โทนี่ โครส หายเจ็บกลับมาช่วยคุมเกมแดนกลาง ส่วนแนวรุกให้ คาริม เบนเซม่า ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า เพื่อลุ้นพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายเข้ารอบ หลังจากนัดแรกบุกไปแพ้มาก่อน 0-1 ด้านทีมเยือนของกุนซือ เมาริซิโอ โปเชตติโน่ ได้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ฟิตกลับมายืนล่าตาข่ายร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่ และ เนย์มาร์
ในช่วงครึ่งแรก “เปแอสเช” ออกนำไปก่อนจาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ในนาที 39 จบครึ่งแรก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เข้าสู่ครึ่งหลัง “ราชันชุดขาว” ยิงแซง 3 ประตูรวดจาก คาริม เบนเซม่า ซัดแฮตทริกเหมาคนเดียวทั้งหมดในนาที 61, 76 และ 78 หมดเวลาการแข่งขัน เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายชนะ 3-1 รวมผล 2 นัด “ราชันชุดขาว” เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-2 ลอยลำเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเลย
หลังจบเกม คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือ “ราชันชุดขาว” รู้สึกแฮปปี้เป็นอย่างมากที่ลูกทีมสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายเข้ารอบได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่บุกไปพลาดท่าแพ้มาก่อน และโดนยิงนำไปก่อนตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกด้วย แต่นักเตะทุกคนยังคงร่วมใจกันสู้จนสามารถยิงแซงคว้าชัยได้ตามผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น พร้อมกับยกให้เป็นเกมการแข่งขันในค่ำคืนสุดแสนมหัศจรรย์เลยด้วย โดยยกให้ประตูตีเสมอเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ทีมกลับคืนสู่เกมได้อีกครั้ง และได้เอ่ยปากขอบคุณแฟนบอลในสนามที่คอยส่งเสียงเชียร์เพื่อช่วยกระตุ้นนักเตะให้มีแรงฮึดจนได้ผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น
ด้าน เมาริซิโอ โปเชตติโน่ กุนซือ “เปแอสเช” ยอมรับว่าผิดหวังสุดๆ ที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้จนต้องกระเด็นตกรอบไปเลย แต่ไม่เอ่ยปากกล่าวโทษ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูที่เล่นพลาดจนเป็นเหตุให้เสียประตูตีเสมอ เพราะว่าทั้งทีมต้องร่วมกันรับผิดชอบทั้งหมดเลย