ศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 เมื่อคืนวันที่ 12 ม.ค. “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี บุกไปเยือน “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ที่ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ สเตเดี้ยม เกมนี้ โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม” ให้พวกแข้งหลักลงสนามเกือบทั้งหมด แม้ว่านัดแรกจะตุนความได้เปรียบมาได้ก่อนจากการเปิดบ้านชนะ 2-0 โดยให้ ติโม แวร์เนอร์ กับ โรเมลู ลูกากู ยืนเป็นกองหน้าร่วมกัน ส่วนเจ้าบ้านของกุนซือ อันโตนิโอ คอนเต้ ปรับทัพหลายตำแหน่ง โดยแดนกลางให้ โจวานี่ โล เซลโซ่ ลงไปช่วยคุมเกม ส่วนแนวรุกวาง ลูคัส มูร่า ยืนเป็นกองหน้าคู่กับ แฮร์รี่ เคน
ในช่วงครึ่งแรก เชลซี ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ในนาที 18 ส่วนในช่วงครึ่งหลังไม่มีการยิงประตูเพิ่มเติม หมดเวลาการแข่งขัน เชลซี บุกไปชนะ 1-0 รวมผล 2 นัด “สิงโตน้ำเงินคราม” เป็นฝ่ายชนะ 3-0 ได้ตบเท้าผ่านเข้าสู่นัดชิงเป็นทีมแรกไปยืนรอพบผู้ชนะในรอบรองชนะเลิศอีกหนึ่งคู่ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซนอล กันต่อไป
หลังจบเกม โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม” พอใจผลงานการแข่งขันที่สามารถเก็บชัยจากเกมรอบชิงชนะเลิศได้อีกหนึ่งเกม แต่ไม่ค่อยพอใจฟอร์มการเล่นของลูกทีมที่เล่นกันไม่ค่อยดีนัก เพราะว่ามีหลายจังหวะที่เล่นกันแบบเสียสมาธิ แต่ยังโชคดีที่ทีมคู่แข่งไม่สามารถฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเอาไว้ได้ และแสดงความมั่นใจว่า อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ผู้ยิงประตูชัยจะยอมต่อสัญญาใหม่เพื่ออยู่ค้าแข้งกับทีมต่อไปด้วย หลังมีข่าวว่าการเจรจามีความคืบหน้ามากกว่าเดิม พร้อมกันนี้โค้ชชาวเยอรมันได้จารึกชื่อเป็นกุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม” คนแรกที่สามารถพาทีมผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยถึง 3 รายการได้ในรอบ 1 ปี นับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามารับงานคุมทีมเมื่อช่วงต้นปีก่อน
ด้าน อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือ “ไกเดือยทอง” ยอมรับว่า เชลซี สมควรเป็นฝ่ายชนะ และได้ผ่านเข้าชิงไปเลย เพราะเล่นได้ดีกว่าทีมของเขานั่นเอง จึงต้องก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น ส่วนหลังจากนี้ต้องให้เวลานักเตะได้พักฟื้นเพื่อเตรียมลงเลนนัดต่อไปที่จะต้องเจอศึกหนักพบกับ อาร์เซนอล ในศึกพรีเมียร์ลีกช่วงสุดสัปดาห์นี้นั่นเอง