ศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันที่ 19 มี.ค. “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี บุกไปเยือน “เดอะโบโร่” มิดเดิ้ลสโบรช์ ที่ริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม เกมนี้ โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือทีมเยือนตัดสินใจปรับทัพหลายตำแหน่ง โดยแนวรับให้ มาแล็ง ซาร์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงด้วย ส่วนแดนกลางให้ รูเบน ลอฟตัส-ชีค ลงไปคุมเกมร่วมกับ เมสัน เม้าท์ และ มาเตโอ โควาซิช ขณะที่แนวรุกวาง โรเมลู ลูกากู ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเพื่อประสานงานกับ คริสเตียน พูลิซิช และ ฮาคิม ซีเย็ค ด้านเจ้าบ้านของ คริส ไวล์เดอร์ ยังคงให้พวกแข้งหลักลงเลนทั้งหมด โดยแดนกลางวาง มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์ คุมเกมร่วมกับ โจนาธาน ฮาวสัน ส่วนแนวรุกใช้ อารอน คอนนอลลี่ กับ โฟลาริน บาโลกัน สวมบทเป็นกองหน้าคู่กัน หลังจากสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเขี่ย 2 ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก นั่นก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด และ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ตกรอบมาแล้วด้วย
ในช่วงครึ่งแรก “สิงโตน้ำเงินคราม” ขึ้นนำไปก่อนถึง 2 ประตูจาก โรเมลู ลูกากู ในนาที 15 และ ฮาคิม ซีเยค ในนาที 31 เข้าสู่ครึ่งหลังทั้งสองทีมมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นหลายคนเลย แต่ไม่มีการยิงประตูเพิ่มเติม หมดเวลาการแข่งขัน เชลซี เป็นฝ่ายชนะ 2-0 จึงได้ตบเท้าผ่นเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเป็นทีมแรกไปเลย
หลังจบเกม โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เปิดเผยว่าได้ศึกษาแนวทางการเล่นของ มิดเดิลสโบรช์ มาอย่างดี เพราะไม่อยากพลาดท่าเสียทีให้กับเจ้าบ้านที่เคยเขี่ย 2 ทีมใหญ่จากศึกพรีเมียร์ลีกในรอบที่ผ่านมานั่นเอง และเปิดเผยด้วยว่ารู้สึกประทับใจในความมุ่งมั่นของลูกทีมเป็นอย่างมาก และยังคงอยู่บนเส้นทางลุ้นแชมป์เอฟเอ คัพ ต่อไปจากความทุ่มเทของลูกทีมที่พร้อมโฟกัสแต่เรื่องนสนาม แม้จะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากเรื่องนอกสนาม แต่นักเตะทุกคนไม่ได้แสดงความหวั่นไหวออกมาให้เห็นเลย
ด้าน เมสัน เมาท์ กองกลาง เชลซี ยืนยันว่าทีมของเขายังคงมุ่งมั่งเพื่อคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้ และจะได้แก้ตัวจากเมื่อฤดูกาลก่อนที่พลาดท่าแพ้ เลสเตอร์ ในนัดชิงนั่นเอง โดยใช้ฟุตบอลแทนคำพูดเพื่อขอบคุณแฟนบอลที่ยังคงให้การสนับสนุนสโมสรเหมือนเดิม