ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันที่ 2 ม.ค. “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เกมนี้ โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือ เชลซี ตัดสินใจหั่นชื่อ โรเมลู ลูกากู ออกจากทีมจากบทสัมภาษณ์ที่ว่าไม่แฮปปี้เสียแล้ว และวางตัว ไค ฮาเวิร์ตซ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเพื่อประสานงานกับ คริสเตียน พูลิซิช และ เมสัน เม้าท์ ด้านทีมเยือนมอบหมายให้ เป๊ป ลินเดอร์ส ยืนคุมทัพแทนกุนซือ เจอร์เกน คลอปป์ ติดเชื้อโควิด-19 โดยแนวรุกยังคงใช้ 3 ประสาน โมฮาเม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ ดิโอโก้ โจต้า เหมือนเดิม
เริ่มเกมไปเพียง 9 นาที “หงส์แดง” ออกนำไปก่อนจาก ซาดิโอ มาเน่ ในนาที 9 และหนีห่างไปอีกเม็ดจาก โมฮาเม็ด ซาลาห์ ในนาที 26 แต่ “สิงโตน้ำเงินคราม” ไม่ยอมแพ้ตามทวงคืนได้ในช่วงท้ายครึ่งแรกจาก มาเตโอ โควาซิช ในนาที 42, คริสเตียน พูลิซิช ในช่วงทดเจ็บไปแล้วหนึ่งนาที ส่วนในช่วงครึ่งหลังไม่มีการยิงประตูเกิดขึ้น หมดเวลาการแข่งขัน เสมอ 2-2 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งคะแนน ทำให้ เชลซี ยังคงรั้งรองจ่าฝูง แข่ง 21 นัด มี 43 คะแนน ตามหลัง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงห่างถึง 10 คะแนนเลยทีเดียว ส่วน ลิเวอร์พูล อยู่อันดับ 3 แข่ง 20 นัด มี 42 คะแนน
หลังจบเกม โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม” ให้ความเห็นว่า ซาดิโอ มาเน่ กองหน้าทีมชาติเซเนกัลของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ต้องได้รับใบแดงจากจังหวะตีศอกใส่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กองหลังเจ้าบ้านตั้งแต่ 10 วินาทีแรกของเกมเสียด้วยซ้ำ แต่กลับโดนเพียงใบเหลืองเท่านั้น และพอใจสปิริตของลูกทีมที่ไม่ยอมแพ้ แม้จะต้องเจอกับเกมที่ยากมากๆ เลยก็ตาม
ด้าน เป๊ป ลินจ์เดอร์ส ผู้ช่วยกุนซือ “หงส์แดง” พอใจกับหนึ่งคะแนนที่ได้รับ เพราะต้องเจอกับเกมที่ยากอยู่ไม่ใช่น้อย และการบุกมาเยือน เชลซี ไม่เคยเป็นเกมที่ง่ายเลยด้วย แต่นักเตะทุกคนยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เกือบทั้งหมด
สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
เบรนท์ฟอร์ด ชนะ แอสตัน วิลล่า 2-1
เอฟเวอร์ตัน แพ้ ไบรท์ตัน 2-3
ลีดส์ ยูไนเต็ด ชนะ เบิร์นลีย์ 3-1
เชลซี เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2