ศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันที่ 6 ม.ค. “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ทีมคู่แข่งร่วมศึกพรีเมียร์ลีกเหมือนกัน เกมนี้ โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือเจ้าบ้านตัดสินใจให้ โรเมลู ลูกากู กลับมาสวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้าในช่วงหลังเคลียร์ปัญหาใจกันได้แล้ว และวาง ฮาคิม ซีเยค, ไค ฮาเวิร์ตซ์ รวมถึง เมสัน เม้าท์ เป็น 3 ประสานในแนวรุกอยู่ด้านหลังด้วย ด้านทีมเยือนของกุนซือ อันโตนิโอ คอนเต้ ให้พวกแข้งหลักลงสนามเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะแนวรุกยังคงใช้ 3 ประสาน ลูคัส มูร่า, ซน ฮึง-มิน และ แฮร์รี่ เคน
เริ่มเกมไปเพียง 5 นาที “สิงโตน้ำเงินคราม” ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก ไค ฮาเวิร์ตซ์ หลังจากนั้นเจ้าบ้านมาบวกเพิ่มได้อีกเม็ดจาก เบน เดวิส นักเตะทีมเยือนทำเข้าประตูตัวเองในนาที 34 จบครึ่งแรก เชลซี ออกนำไปก่อน 2-0 เข้าสู่ครึ่งหลังไม่มีการยิงประตูเพิ่มเติม หมดเวลาการแข่งขัน “สิงโตน้ำเงินคราม” เป็นฝ่ายชนะ 2-0 โดยนัดที่ 2 จะออกไปเยือน “ไก่เดือยทอง” ที่ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ สเตเดี้ยม ในคืนวันที่ 12 ม.ค.นี้
หลังจบเกม โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม” พอใจผลงานของลูกทีมที่เล่นกันได้ตามแผน จึงสมควรเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะจากเกมนัดแรกเอาไว้ได้ก่อน และมองว่าควรจะยิงประตูได้มากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ เพราะสร้างสรรค์โอกาสได้แบบต่อเนื่อง แต่จะไม่ประมาทในเกมนัดที่ 2 อย่างแน่นอน เนื่องจาก สเปอร์ส เป็นทีมอันตรายที่จะมองข้ามไม่ได้เลย
ด้าน อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือ “ไก่เดือยทอง” รู้สึกดีใจที่ได้รับเสียงต้อนรับจากแฟนบอลเจ้าถิ่น หลังได้หวนกลับคืนสู่ถิ่นเก่าอีกครั้ง เพราะเคยสวมบทเป็นกุนซือ เชลซี ในช่วงระหว่างปี 2016-2018 มาก่อน ส่วนในเรื่อของรูปเกมยอมรับว่าลูกทีมเล่นผิดพลาดกันเองในหลายจังหวะ โดยเฉพาะลูกที่ทำเข้าประตูตัวเอง ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดในแนวรับที่ประสานงานกันไม่ดี แต่ยังไม่ถอดใจยอมแพ้แบบง่ายๆ เพราะยังเกมนัดที่ 2 ที่จะได้ลงเล่นในถิ่นของตัวเองให้ได้แก้ตัวอีกหนึ่งนัด จึงยังหวังพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายเข้าชิงให้ได้