ศึกฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบน็อคเอาท์ เพลย์ออฟ นัดที่ 2 เมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ. “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยกพลบุกไปเยือน เรนเจอร์ส ที่ไอบร็อกซ์ สเตเดี้ยม หลังจากนัดแรกพลาดท่าแพ้คาบ้าน 2-4 เกมนี้ มาร์โก้ โรเซ่ กุนซือทีมเยือนยังคงไร้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดาวยิงตัวเก่งไม่หายเดี้ยง จึงต้องให้ ดอนเยลล์ มาเลน ลงไปประสานแนวรุกร่วมกับ ยูเลี่ยน บรันด์ท และ มาร์โก้ รอยส์ ด้านเจ้าบ้านของกุนซือ โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท ยังคงจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนาม นำทัพโดย จอห์น ลุนด์สทราม, สก็อตต์ อาร์ฟิลด์, โจ อาริโบ, ไรอัน เคนท์ และ อัลเฟรโด้ โมเรลอส แม้ว่าเกมแรกจะบุกไปควาชัยมาได้ก่อนถึง 4-2
ในช่วงครึ่งแรก เรนเจอร์ส ออกนำไปก่อนจาก เจมส์ เทเวอร์เนียร์ ซัดจุดโทษในนาที 22 หลังจากนั้น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยิงแซง 2 ประตูรวดจาก จูด เบลลิงแฮม ในนาที 31 และ ดอนเยลล์ มาเลน ในนาที 42 เข้าสู่ครึ่งหลัง เจ้าบ้านตามตีเจ๊าได้จาก เจมส์ เทเวอร์เนียร์ ในนาที 57 หมดเวลาการแข่งขัน เสมอ 2-2 ทำให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องจอดป้ายเพียงรอบนี้ ส่วน เรนเจอร์ส ได้ตบเท้าผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปเลย
หลังจบเกม มาร์โก โรเซ่ กุนซือ “เสือเหลือง” ยอมรับว่าปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปตั้งแต่ช่วงครึ่งแรก เพราะไม่สามารถฉวยโอกาสที่มีลุ้นยิงประตูได้อยู่หลายครั้งเอาไว้ได้ โดยเฉพาะจังหวะที่ควรจะยิงประตูที่ 3 ให้ได้ เพื่อจะได้กุความได้เปรียบเอาไว้ได้ก่อน แต่เมื่อทำไม่ได้ก็ต้องยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น และจากตรงจุดนี้จึงเป็นว่าสาเหตุให้ทีมของเขาไม่พบกับชัยชนะ และชวดโอกาสพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายเข้ารอบไปเลยด้วย จึงต้องขอโทษแฟนบอลที่ทำให้ต้องผิดหวัง เพราะว่าควรจะทำผลงานให้ได้ดีกว่านี้ตั้งแต่นัดแรกเสียด้วยซ้ำ
ด้าน โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท กุนซือ เรนเจอร์ส ชื่นชมลูกทีมที่ยังคงมีความมุ่งมั่น จึงสามารถตามตีเสมอได้สำเร็จ แม้จะตุนความได้เปรียบจากเกมนัดแรกเอาไว้ก่อน แต่นักเตะไม่ได้ตั้งตนอยู่ในความประมาท ทำให้ทีมของเขาได้ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบต่อไป