ศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันที่ 20 มี.ค. “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยกพลบุกไปเยือน “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่ซิตี้ กราวน์ด เกมนี้ เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือเจ้าบ้านตัดสินใจโรเตชั่นทีมด้วยการปรับทัพถึง 7 ตำแหน่ง โดยแนวรับยังคงให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ คุมแดนหลัง ส่วนแดนกลางยังคงวาง ฟาบินโญ่ ยืนคุมเกม ขณะที่แนวรุกส่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ด้านเจ้าบ้านของกุนซือ สตีฟ คูเปอร์ ยังคงจัดทีมชุดใหญ่ลงสนาม นำทัพโดย เจมส์ การ์เนอร์, ไรอัน เยตส์, โจ โลลลีย์, เบรนแนน จอห์นสัน และ เคนาน เดวิส
ในช่วงครึ่งแรกไม่มีการยิงประตูเกิดขึ้น โดย ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายครองบอลได้เหนือกว่า แต่เจ้าบ้านเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น จึงยังคงเสมอแบบไร้สกอร์ 0-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง “หงส์แดง” มาได้ประตูชัยจาก ดิโอโก้ โจต้า ในนาที 78 หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเฉือนชนะ 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกไปเผชิญหน้ากับ “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ กันต่อไป
หลังจบเกม เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือ “หงส์แดง” ยอมรับว่า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เล่นดีมากๆ จึงสร้างความลำบากให้กับลูกทีมของเขาต้องออกแรงเหนื่อยกว่าจะผ่านเข้ารอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ ได้แบบหืดจับ พร้อมกับเอ่ยปากชม ดิโอโก้ โจต้า ผู้ยิงประตูชัยให้ทีมผ่านเข้ารอบลึกๆ เพื่อไปลุ้นแชมป์ฟุตบอลถ้วยได้อีกครั้ง หลังจากที่เคยซัดเบิ้ลเหมายิงคนเดียว 2 ประตูให้ทีมเอาชนะ อาร์เซนอล ในรอบตัดเชือกคาราบาว คัพ แและเข้าป้ายแชมป์ในช่วงบั้นปลายได้สำเร็จ
พร้อมกันนี้ คลอปป์ ยืนยันด้วยว่าทีมของเขาได้กลบเสียงวิจารณ์เรื่องที่ว่าไม่เน้นฟุตบอลถ้วยบนเกาะอังกฤษได้แล้ว เพราะไม่ได้ตกรอบแรกๆ เหมือนอย่างในช่วงหลายๆ ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล โดนข้อครหาว่าไม่ให้ความสำคัญกับฟุตบอลถ้วยในเมืองผู้ดี เพราะชิงตกรอบก่อนเวลาอันควรอยู่เป็นประจำ แต่กุนซือ “หงส์แดง” ยืนกรานว่าฤดูกาลนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว
สรุปผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย
คริสตัล พาเลซ ชนะ เอฟเวอร์ตัน 4-0
เซาแธมป์ตัน แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-4
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1