พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เชลซี VS ลิเวอร์พูล
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
เวลา : 23.30 น.
เชลซี
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-0 (เยือน)
คาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย : ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-0 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ ไบรท์ตัน 1-1 (เหย้า)
โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม” จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านเสมอ ไบรท์ตัน 1-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพื่อลุ้นกลับมาคว้าชัยไล่ตามจ่าฝูงต่อไป โดยตอนนี้อยู่อันดับ 2 แข่ง 20 นัด มี 42 คะแนน ตามหลัง แมนฯ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงอยู่ถึง 11 คะแนน แม้จะไร้พ่ายมาแล้ว 7 เกมในทุกรายการ แต่มีลงเอยผลเสมอหลายนัดเหมือนกัน และพร้อมให้พวกแข้งดังลงสนามในทุกตำแหน่ง แนวรับจะให้ เทร์โวห์ ชาโลบาห์ ลงไปยืนคู่กับ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ แดนกลางน่าจะได้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กลับมาคุมเกมร่วมกับ จอร์จินโญ่ แนวรุกพร้อมให้ ฮาคิม ซีเย็ค เป็นปั้นเกมร่วมกับ เมสัน เมาท์ และวาง โรเมลู ลูกากู ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า
รายชื่อ 11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 3-4-2-1
ผู้รักษาประตู : เอดูอาร์ เมนดี้
แนวรับ : เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, เทร์โวห์ ชาโลบาห์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์
แดนกลาง : คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่
แนวรุก : ฮาคิม ซีเย็ค, เมสัน เมาท์
กองหน้า : โรเมลู ลูกากู
ลิเวอร์พูล
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ แอสตัน วิลล่า 1-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ สเปอร์ส 2-2 (เยือน)
คาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย : เสมอ เลสเตอร์ 3-3 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ เลสเตอร์ 0-1 (เยือน)
ทีมเยือนไม่มีกุนซือ เจอร์เกน คอลปป์ ติดเชื้อโควิด-19 จึงเตรียมให้ผู้ช่วย นั่นก็คือ เป๊ป ลินเดอร์ส ยืนคุมทีมแทน โดยจะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่บุกไปแพ้ เลสเตอร์ 0-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพื่อลุ้นกลับมาคว้าชัยแซงขึ้นไปยึดรองจ่าฝูงอีกครั้ง โดยตอนนี้อยู่อันดับ 3 แข่ง 19 นัด มี 41 คะแนน ตามหลัง เชลซี ทีมอันดับ 2 ที่แข่งมากกว่าหนึ่งนัดเพียงแต้มเดียว จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามได้เกือบทั้งหมด แนวรับยังคงไร้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ติดโทษแบนเป็นนัดสุดท้าย แต่จะให้ คอสตาส ซิมิคาส ลงไปยืนเป็นแบ็กซ้ายเพื่อยืนร่วมกับ โจเอล มาทิป และ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ แดนกลางพร้อมให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คุมเกมร่วมกับ ฟาบินโญ่ แนวรุกใช้ 3 ประสาน โมฮาเม็ด ซาล่าห์, ดิโอโก้ โจต้า และ ซาดิโอ มาเน่
รายชื่อ 11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
ผู้รักษาประตู : อลิสซอน เบ็คเกอร์
แนวรับ : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจเอล มาทิป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, คอสตาส ซิมิคาส
แดนกลาง : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, นาบี้ เกอิต้า
กองหน้า : โมฮาเม็ด ซาล่าห์, ดิโอโก้ โจต้า, ซาดิโอ มาเน่
ความน่าจะเป็น
เป็นการดวลแข้งกันของ 2 ทีมบนหัวตารางคะแนน โดยมีตำแหน่งรองจ่าฝูงเป็นเดิมพันให้กับผู้ชนะด้วย แม้จะยังคงเป็นทีมที่แพ้ยาก แต่ เชลซี มีอาการสะดุดให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ เพราะลงเอยด้วยผลเสมอหลายนัดเลยนั่นเอง และมีนักเตะผลัดกันได้รับบาดเจ็บด้วย ส่วน ลิเวอร์พูล เหมือนจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และต้องลงสนามแบบต่อเนื่องด้วย ทำให้นักเตะไม่สามารถรีดฟอร์มเก่งออกมาได้แบบต่อเนื่อง คาดว่าเกมคู่นี้มีโอกาสแบ่งแต้มแบบเจ๊ากันไป
ผลที่คาด : เชลซี เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1
โปรแกรมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
21.00 น. เอฟเวอร์ตัน VS ไบรท์ตัน
21.00 น. ลีดส์ ยูไนเต็ด VS เบิร์นลีย์
21.00 น. เซาแธมป์ตัน VS นิวคาสเซิ่ล
21.00 น. เบรนท์ฟอร์ด VS แอสตัน วิลล่า
23.30 น. เชลซี VS ลิเวอร์พูล