ศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันที่ 22 ธ.ค. “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ เกมนี้ เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือเจ้าบ้านตัดสินใจพักแข้งหลักเพื่อให้ตัวสำรองลงไปเล่นร่วมกับพวกเด็กดาวรุ่ง แต่ให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กองหน้าที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาลงสนามประสานงานกับ ทาคูมิ มินามิโนะ ส่วนทีมเยือนของกุนซือ เบรนแดน รอดเจอร์ส ให้พวกแข้งหลักลงไปช่วยประคองนักเตะดาวรุ่ง โดยแนวรุกให้ เจมี่ วาร์ดี้ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า และให้ 2 แข้งเด็กอย่าง พัตสัน ดาก้า กับ เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ ลงไปช่วยล่าตาข่ายด้วย
ในช่วงครึ่งแรก “จิ้งจอกสยาม” ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนถึง 2 ประตูจาก เจมี่ วาร์ดี้ ซัดเบิ้ลเหมาคนเดียว 2 ประตูในนาที 9 และ 19 หลังจากนั้น “หงส์แดง” ตีไข่แตกได้จาก อเล็กซ์ ออกซ์เลด แชมเบอร์เลน ในนาที 19 แต่ทีมเยือนหนีห่างไปอีกเม็ดจาก เจมส์ แมดดิสัน ในนาที 33 จบ 45 นาทีแรก เลสเตอร์ เป็นฝ่ายขึ้นนำ 3-1 เข้าสู่ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ยิงเพิ่มได้อีก 2 เม็ดได้จาก ดิโอโก้ โจต้า ในนาที 68 และ ทาคูมิ มินามิโนะ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บไปแล้ว 5 นาที หมดเวลาการแข่งขัน เสมอ 3-3 จึงต้องหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษตัดสิน ปรากฎว่า “หงส์แดง” สังหารเข้าเป้าได้แม่นกว่า จึงเป็นฝ่ายคว้าชัยในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน 5-4 และได้ตบเท้าเข้ารอบรองชนะเลิศไปเลย
ส่วน “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ตบเท้าเข้ารอบตัดเชือกได้ด้วยเช่นกัน หลังบุกไปชนะ เบรนท์ฟอร์ด ได้ถึงเบรนท์ฟอร์ด คอมมูนิตี้ สเตเดี้ยม 2-0 โดยเกมนี้ โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือทีมเยือนมีนักเตะขาดหายไปจากปัญหาต่างๆ หลายคนเลย จึงให้พวกตัวสำรองลงสนาม และส่ง จู๊ด ศูนย์ทรัพย์ เบลล์ แข้งเด็กจากทีมเยาวชนลูกครึ่งอังกฤษ-ไทยยืนค้ำเป็นกองหน้าตัวเป้าด้วย ในช่วงครึ่งแรกไม่มีการยิงประตูเกิดขึ้น เสมอแบบไร้สกอร์ 0-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง “สิงโตน้ำเงินคราม” ยิงได้ 2 เม็ดในช่วงท้ายเกมจาก ปอนตุส แยนส์สัน กองหลังทีมเยือนสกัดพลาดเข้าประตูตัวเองในนาที 80 และจุดโทษของ จอร์จินโญ่ ในนาที 85 หมดเวลาการแข่งขัน เชลซี เป็นฝ่ายบุกไปคว้าชัยด้วยสกอร์ 2-0 และได้ทะยานผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปเลย
ด้าน “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส เปิดรังท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ สเตเดี้ยม เฉือนชนะ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม 2-1 เกมนี้ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือเจ้าบ้านให้พวกแข้งหลักลงสนามหลายคนเลย โดยแนวรุกใช้ 3 ประสาน สตีเว่น เบิร์กไวจ์น, ลูคัส มูร่า และ แฮร์รี่ เคน ในช่วงครึ่งแรก “ไก่เดือยทอง” ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก สตีเว่น เบิร์กไวจ์น ในนาที 29 หลังจากนั้น “ขุนค้อน” ตามตีเสมอได้จาก ยาร์ร็อด โบเว่น ในนาที 32 ทว่าเจ้าบ้านยิงแซงขึ้นนำได้อีกครั้งจาก ลูคัส มูร่า ในนาที 34 จบครึ่งแรก สเปอร์ส เป็นฝ่ายออกนำ 2-1 เข้าสู่ครึ่งหลังไม่มีการยิงประตูเพิ่มเติม หมดเวลาการแข่งขัน สเปอร์ส เป็นฝ่ายเฉือนชนะ 2-1 ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
สรุปผลฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย
เบรนท์ฟอร์ด แพ้ เชลซี 0-2
สเปอร์ส ชนะ เวสต์แฮม 2-1
ลิเวอร์พูล เสมอ เลสเตอร์ 3-3
(ลิเวอร์พูล ชนะดวลจุดโทษ 5-4)