ศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 เมื่อคืนวันที่ 20 ม.ค. “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกไปเยือน “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม หลังจากนัดแรกลงเอยด้วยผลเสมอที่แอนฟิลด์แบบไร้สกอร์ 0-0 เกมนี้ เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือทีมเยือนตัดสินใจให้พวกแข้งหลักลงสามเกือบทั้งหมด โดยแนวรุกให้ เคด กอร์ดอน กองหน้าดาวรุ่งลงไปประสานงานกับ ดิโอโก้ โจต้า และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หลังจากนัดแรกเปิดบ้านเสมอ 0-0 ส่วนเจ้าบ้านของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า จัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามไปเลย โดยแนวรุกได้ มาร์ติน โอเดการ์ด หายป่วยจากโควิด-19 กลับมาประสานงานกับ บูกาโย่ ซาก้า และ อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์
ในช่วงครึ่งแรก “หงส์แดง” ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก ดิโอโก้ โจต้า ในนาที 19 จบครึ่งแรก ทีมเยือนออกนำ 1-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ได้ประตูตอกย้ำชัยชนะจาก ดิโอโก้ โจต้า ซัดเบิ้ลเหมาคนเดียว 2 ประตูในนาที 79 หลังจากนั้นเจ้าบ้านต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน เนื่องจาก โธมัส ปาร์เตย์ โดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนามในนาที 90 หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายชนะ 2-0 รวมผล 2 นัด “หงส์แดง” ผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 2-0 ได้ตบเท้าเข้าสู่นัดชิงไปดวลแข้งกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ในคืนวันที่ 27 ก.พ.นี้
หลังจบเกม เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือ “หงส์แดง” เอ่ยปากยกย่องฝีเท้าของ ดิโอโก้ โจต้า ให้เป็นนักเตะระดับโลกแบบเต็มตัวไปแล้ว หลังสวมบทเป็น “ฮีโร่” เหมาคนเดียว 2 เม็ดให้ทีมคว้าชัยผ่านเข้าสู่นัดชิงได้ตามเป้า จึงสามารถผ่านอีกหนึ่งเกมที่ลำบากไปได้ และผู้เล่นทุกคนกำลังใจจดใจจ่อกับการลงเล่นนัดชิงในช่วงปลายเดือนหน้าด้วย
ด้าน มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ “ปืนใหญ่” ยอมรับว่าทีมของเขายังไม่ดีพอ โดยเฉพาะเรื่องของขุมกำลังผู้เล่น จึงต้องเป็นฝ่ายพบกับความผิดหวัง และจำเป็นต้องมีการเสริมทัพเพื่อให้ทีมมีความแข็งแกร่งมากกว่านี้ด้วย ซึ่งยังคงต้องปรับปรุงในจุดนี้กันต่อไป