คาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ
เชลซี VS ลิเวอร์พูล
สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม
เวลา : 23.30 น.
เชลซี
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
เอฟเอ คัพ รอบ 4 : เสมอ พลีมัธ 1-1 (เหย้า) – ชนะต่อเวลาพิเศษ 2-1
ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ รอบรองชนะเลิศ : ชนะ อัล ฮิลาล 1-0 (สนามกลาง)
ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ รอบชิงชนะเลิศ : เสมอ พัลไมรัส 1-1 (สนามกลาง) – ชนะต่อเวลาพิเศษ 2-1
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 (เยือน)
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก : ชนะ ลีลล์ 2-0 (เหย้า)
โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม” จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านชนะ ลีลล์ 2-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เพื่อลุ้นเก็บชัยคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 6 โดยพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนาม แม้จะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้างก็ตาม โดยผู้รักษาประตูน่าจะให้ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ลงไปยืนเฝ้าเสาเหมือนอย่างรอบที่ผ่านมา แนวรับจะให้ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ลงไปยืนร่วมกับ ติอาโก้ ซิลวา และ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ แดนกลางยังต้องรอเช็กสภาพความฟิตของ มาเตโอ โควาซิช จึงน่าจะให้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คุมเกมร่วมกับ จอร์จินโญ่ แนวรุกรอเช็กฟิต เมสัน เมาท์ แต่น่าจะได้ ฮาคิม ซีเย็ค ฟิตกลับมายืนปั้นเกมร่วมกับ คริสเตียน พูลิซิช ส่วนกองหน้าจะให้ ไค ฮาเวิร์ตซ ลงไปยืนค้ำเอาไว้
รายชื่อ 11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 3-4-2-1
ผู้รักษาประตู : เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า
แนวรับ : อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รูดิเกอร์
แดนกลาง : เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่, มาร์กอส อลอนโซ่
แนวรุก : ฮาคิม ซีเย็ค, คริสเตียน พูลิซิช
กองหน้า : ไค ฮาเวิร์ตซ
ลิเวอร์พูล
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เลสเตอร์ 2-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เบิร์นลีย์ 1-0 (เยือน)
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก : ชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-0 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ นอริช 3-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 6-0 (เหย้า)
เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือ “หงส์แดง” จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านไล่ถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด 6-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพื่อลุ้นเก็บชัยคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 9 โดยตอนนี้ยังครองสถิติคว้าแชมป์รายการนี้ได้มากที่สุดถึง 8 สมัย เท่ากับ แมนฯ ซิตี้ พอดี จึงพร้อมจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามแน่นอน คาดว่าผู้รักษาประตูจะดร็อป อลิสซอน เบ็คเกอร์ เพื่อให้ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ลงไปยืนเฝ้าเสาเหมือนอย่างที่ได้เล่นในรายการนี้มาโดยตลอด แนวรับยังคงให้ โจเอล มาทิป ยืนคู่กับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ แดนกลางพร้อมให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คุมเกมร่วมกับ ฟาบินโญ่ และ ติอาโก้ อัลคานทาร่า แนวรุกไม่มี โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้รับบาดเจ็บ แต่น่าจะได้ ดิโอโก้ โจต้า ฟิตกลับมาประสานงานกับ ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเม็ด ซาล่าห์
รายชื่อ 11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
ผู้รักษาประตู : ควีวิน เคลเลเฮอร์
แนวรับ : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โจเอล มาทิป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
แดนกลาง : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, ติอาโก้ อัลคานทาร่า
กองหน้า : โมฮาเม็ด ซาล่าห์, ดิโอโก้ โจต้า, ซาดิโอ มาเน่
ความน่าจะเป็น
ไร้พ่ายจากการลงเล่นในทุกรายการมาแล้วถึง 9 นัด แม้จะมีปัญหาเรื่องแนวรุกที่ยังคงต้องปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเลย แต่ เชลซี มีจุดเด่นเรื่องเกมรับที่ยังคงแข็งแกร่งมาก ส่วน ลิเวอร์พูล ยังอยู่ในช่วงฟอร์มแจ่มจากการเก็บชัยได้ถึง 9 เกมติดต่อกันในทุกรายการ และมีสภาพทีมที่สมบูรณ์มากๆ เลยด้วย คาดว่าเกมนี้มีโอกาสลงเอยด้วยผลเสมอในช่วงเวลาปกติ และอาจจะต้องชี้ชะตาในช่วงดวลจุดโทษตัดสินได้เหมือนกัน
ผลที่คาด : เชลซี เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1