ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันที่ 19 ก.พ. “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์ต้อนรับ “นกขมิ้น” นอริช เกมนี้ เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือ “หงส์แดง” ปรับแนวรุกเล็กน้อย เพราะไม่มี ดิโอโก้ โจต้า ได้รับบาดเจ็บข้อเท้า จึงให้ หลุยส์ ดิอาซ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพื่อประสานงานกับ ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเม็ด ซาล่าห์ ไปเลย ส่นทีมเยือนของกุนซือ ดีน สมิธ ใช้ 3 ประสานในแดนหน้า นั่นก็คือ โจชัว ซาร์เกนท์, มิลอท ราชิก้า และ ติมู ปุ๊กกี้
ในช่วงครึ่งแรกไม่มีการยิงประตูเกิดขึ้น เสมอ 0-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง นอริช ออกนำไปก่อนจาก มิลอท ราชิก้า ในนาที 48 แต่เจ้าบ้านยิงแซง 3 ประตูจาก ซาดิโอ มาเน่ ในนาที 64, โมฮาเม็ด ซาล่าห์ ในนาที 67 และ หลุยส์ ดิอาซ ในนาที 81 ซึ่งเป็นการประเดิมประตูแรกให้ “หงส์แดง” ได้ด้วย หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายชนะ 3-1 จึงยังคงอยู่อันดับ 2 ต่อไป แข่ง 25 นัด มี 57 คะแนน ตามหลัง แมนฯ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงที่แข่งมากกว่าหนึ่งเกมอยู่ 6 คะแนน ส่วน นอริช รั้งบ๊วยอันดับ 20 แข่ง 25 นัด มี 17 คะแนน
หลังจบเกม เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือ “หงส์แดง” เอ่ยปากชื่นชมพวกตัวสำรองที่ลงไปช่วยพลิกสถานการณ์ให้ทีมคว้าชัยได้อีกนัด โดยเฉพาะ ติอาโก้ อัลคานทาร่า ที่ลงไปจ่ายบอลในแดนกลางให้มีความลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ซึ่งคล้ายกับสถานการณ์ในนัดล่าสุดที่บุกไปชนะ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน 2-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาเลยด้วย และได้ยกเครดิตให้กับทีมโค้ชที่ช่วยกันคิดเปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-4-2 จึงมีส่วนช่วยให้เก็บชัยชนะได้สำเร็จ
พร้อมกันนี้ โมฮาเม็ด ซาล่าห์ ได้แสดงความภาคภูมิใจที่ยิงประตูให้ “หงส์แดง” ได้อีกหนึ่งเม็ด และได้สร้างสถิติสอยตาข่ายให้ทีมต้นสังกัดปัจจุบันครบ 150 ลูกแล้วด้วย หลังลงสนามไปทั้งหมด 232 เกมในทุกรายการ นับตั้งแต่ย้ายมาจาก “หมาป่า” โรม่า เมื่อปี 2017 สำหรับผลงานการยิงประตูของดาวเตะวัย 29 ปีสามารถแบ่งได้ออกเป็น 112 ประตูในศึกพรีเมียร์ลีก, 4 ประตูในศึกเอฟเอ คัพ และอีก 34 ประตูในรายการอื่นๆ ซึ่งรวมถึงในศึกฟุตบอลสโมสรยุโรปด้วยเช่นกัน และได้จารึกชื่อรั้งอันดับ 10 ในทำเนียบดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ ลิเวอร์พูล อีกด้วย ส่วนอันดับ 1 ยังคงเป็นของ เอียน รัช ตำนานกองหน้าทีมชาติเวลส์ในช่วงทศวรรษ 80 ด้วยจำนวน 346 ประตูจากการลงเล่น 660 เกมในทุกรายการ
สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
เวสต์แฮม เสมอ นิวคาสเซิ่ล 1-1
แอสตัน วิลล่า แพ้ วัตฟอร์ด 0-1
ลิเวอร์พูล ชนะ นอริช 3-1
อาร์เซนอล ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-1
เซาแธมป์ตัน ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0
ไบรท์ตัน แพ้ เบิร์นลีย์ 0-3
คริสตัล พาเลซ แพ้ เชลซี 0-1
แมนฯ ซิตี้ แพ้ สเปอร์ส 2-3