ศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ เมื่อคืนวันที่ 6 ก.พ. “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดรังแอนฟิลด์ต้อนรับ คาร์ดิฟฟ์ ทีมดังจากเดอะแชมเปี้ยนชิพ เกมนี้ เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือเจ้าบ้านจัดทีมแบบชุดผสมเพื่อให้แข้งสำรองลงเล่นในบางตำแหน่ง โดยแนวรุกให้ ทาคูม มินามิโนะ ลงไปประสานงานกับ ดิโอโก้ โจต้า และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ส่วนทีมเยือนของกุนซือ สตีฟ มอริสัน ให้พวกแข้งหลักออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกือบทั้งหมด นำทัพโดย มาร์ลอน แพ็ค, โจเอล บาแกน, มาร์ค แฮร์ริส และ เจมส์ คอลลินส์
ในช่วงครึ่งแรกไม่มีการยิงประตูเกิดขึ้น เสมอ 0-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง “หงส์แดง” ยิงทีเดียว 3 ประตูรวดจาก ดิโอโก้ โจต้า ในนาที 53, ทาคูมิ มินามิโนะ ในนาที 68 และ ฮาร์ลีย์ เอลเลียต ในนาที 76 ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม และเป็นการหวนกลับคืนสู่สังเวียนแข้งเป็นัดแรกในหลายเดือน หลังหายจากอาการบาดเจ็บเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นทีมเยือนตามตีไข่แตกได้จาก รูบิน โคลวิลล์ ในนาที 80 หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายชนะ 3-1 จึงได้ผ่านเข้าสู่รอบ 5 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปรอต้อนรับ นอริช ทีมคู่แข่งร่วมศึกพรีเมียร์ลีกในคืนวันที่ 2 มี.ค.นี้
หลังจบเกม เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล เอ่ยปากชมลูกทีมเล่นกันได้ตามแผนเป็นอย่างดี และได้กล่าวชื่มชม ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต แข้งดาวรุ่งที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บข้อเท้าหัก จึงได้กลับมาลงสนามเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 5 เดือน แถมยังกลับคืนสู่สังเวียนแข้งได้เหมือนดั่งเทพนิยาย เพราะถูกเปลี่ยนตัวลงไปแล้วยิงประตูลูกปิดท้ายได้ด้วย
นอกจากนี้กุนซือ “หงส์แดง” ได้กล่าวต้อนรับ หลุยส์ ดิอาซ ปีกตัวใหม่ที่ได้สัมผัสเกมฟาดแข้งบนเกาะอังกฤษเรียบร้อยแล้ว หลังถูกเปลี่ยนตัวลงไปเล่นในเกมนี้ช่วงครึ่งหลัง และโชว์ฟอร์มน่าประทับใจจากการจ่ายบอลได้หนึ่งแอสซิสต์เพื่อให้ ทาคูมิ มินามิโนะ ซัดเข้าไปตุงตาข่าย พร้อมกับเปิดเผยเรื่องอาการบาดเจ็บตรงบริเวณหัวเข่าในช่วงท้ายเกมว่าไม่ได้มีอะไรรุนแรงมากนัก เพราะเป็นเพียงแค่แผลถลอกเท่านั้น