คาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย
ลิเวอร์พูล VS เลสเตอร์
สนาม : แอนฟิลด์
เวลา : 02.45 น.
ลิเวอร์พูล
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 (เยือน)
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม : ชนะ เอซี มิลาน 2-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ แอสตัน วิลล่า 1-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ สเปอร์ส 2-2 (เยือน)
เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่บุกไปชนะ สเปอร์ส 2-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก แม้จะหมดสิทธิ์ใช้งานนักเตะหลายราย เพราะมีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในสโมสร แต่พร้อมให้พวกแข้งดาวรุ่ง รวมถึงตัวสำรองได้ลงสนามในรายการนี้อยู่แล้ว จึงถือโอกาสให้พวกแข้งหลักได้พักไปเลย แนวรับจะให้ โจ โกเมซ ยืนคู่กับ โจเอล มาทิป แดนกลางวาง ไทเลอร์ มอร์ตัน คุมเกมร่วมกับ นาบี้ เกอิต้า แนวรุกไม่น่าจะได้ ดิว็อค โอริกี้ ฟิตกลับมายืนหัวหอก จึงน่าจะให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่เพิ่งหายเจ็บลงไปเคาะสนิมในตำแหน่งกองหน้าเพื่อประสานงานกับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน และ ทาคูมิ มินามิโนะ
รายชื่อ 11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
ผู้รักษาประตู : ควีวีน เคลเลเฮอร์
แนวรับ : เนโก้ วิลเลี่ยมส์, โจ โกเมซ, โจเอล มาทิป, คอสตาส ซิมิคาส
แดนกลาง : เจมส์ มิลเนอร์, ไทเลอร์ มอร์ตัน, นาบี้ เกอิต้า
กองหน้า : อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ทาคูมิ มินามิโนะ
เลสเตอร์
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ วัตฟอร์ด 4-2 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ เซาแธมป์ตัน 2-2 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-2 (เยือน)
ยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม : แพ้ นาโปลี 2-3 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ นิวคาสเซิ่ล 4-0 (เหย้า)
เบรนแดน รอดเจอร์ส กุนซือ “จิ้งจอกสยาม” จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านไล่ถล่ม นิวคาสเซิ่ล 4-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก และเหมือนได้พักมาแบบเต็มๆ เพราะเจอโรคเลื่อนจากเกมที่ถูกยกเลิกไม่ต้องลงเตะตามโปรแกรมมาแล้ว 2 เกม แม้จะมีนักเตะหลายคนติดเชื้อโควิด-19 ด้วยเช่นกัน แต่น่าจะให้แข้งหลักลงไปเล่นร่วมกับพวกเด็กดาวรุ่งด้วย แนวรับอาจขยับ 2 ฟูลแบ็ก ดาเนี่ยล อมาร์ตี้ กับ ไรอัน เบอร์ทรานด์ มายืนเป็นกองหลังจำเป็น เพราะมีปัญหานักเตะในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กได้รับบาดเจ็บหลายคน แนดกลางน่าจะให้ ยูริ ติเลอมองส์ คุมเกมร่วมกับ วีลฟรีด เอ็นดิดี้ แนวรุกน่าจะให้ เจมส์ แมดดิสัน กับ ฮาร์วีย์ บาร์นส เป็นตัวปั้นเกมอยู่ด้านหลังของ พัตสัน ดาก้า กองหน้าตัวเป้า
รายชื่อ 11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
ผู้รักษาประตู : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล
แนวรับ : มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ดาเนี่ยล อมาร์ตี้, ไรอัน เบอร์ทรานด์, ลุค โธมัส
แดนกลาง : ยูริ ติเลอมองส์, วีลฟรีด เอ็นดิดี้
แนวรุก : เจมส์ แมดดิสัน, เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์, ฮาร์วีย์ บาร์นส
กองหน้า : พัตสัน ดาก้า
ความน่าจะเป็น
เพราะว่าเจอปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถใช้งานแข้งหลักหลายราย จึงพร้อมให้พวกตัวสำรองลงไปโชว์ฝีเท้าเหมือนอย่างที่ปฏิบัติในรายการนี้อยู่เป็นประจำ แต่ยังพร้อมให้แข้งหลักที่เพิ่งหายเจ็บได้ลงไปเคาะสนิมด้วย ส่วน เลสเตอร์ ไร้ตัวหลักหลายคนด้วยเหมือนกัน จึงพร้อมให้พวกดาวรุ่งสนามเป็นตัวจริงไปเลยด้วย แต่ยังพร้อมให้พวกแข้งหลักลงไปช่วยประคองในหลายตำแหน่งเลย คาดว่าเกมคู่นี้ไม่น่าจะจบในช่วง 90 นาที โดยอาจจะไปลุ้นกันถึงช่วงดวลจุดโทษตัดสินได้เหมือนกัน
ผลที่คาด : ลิเวอร์พูล เสมอ เลสเตอร์ 1-1
โปรแกรมฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย
02.45 น. ลิเวอร์พูล VS เลสเตอร์
02.45 น. เบรนท์ฟอร์ด VS เชลซี
02.45 น. สเปอร์ส VS เวสต์แฮม