ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันที่ 29 ธ.ค. “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ ไบรท์ตัน เกมนี้ โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือเจ้าบ้านตัดสินใจปรับทัพบางตำแหน่ง โดยขยับ คริสเตียน พูลิซิช ไปยืนเป็นวิงแบ็กฝั่งขวา และให้ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ลงไปยืนเป็นตัวปั้นร่วมกับ เมสัน เมาท์ ส่วนกองหน้าตัวเป้าให้ โรเมลู ลูกากู กลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ด้านทีมเยือนของกุนซือ เกรแฮม พ็อตเตอร์ จัดทัพใหญ่ลงสนามได้ โจเอล เฟลท์มัน กลับมาช่วยยืนคุมแนวรับ แดนกลางได้ อดัม ลัลลาน่า ลงไปช่วยคุมเกม ส่วนแนวรุกวาง นีล โมเปย์ สวมบทเป็นหัวหอก
ในช่วงครึ่งแรก “สิงโตน้ำเงินคราม” ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก โรเมลู ลูกากู ในนาที 28 จบ 45 นาทีแรก เจ้าบ้านออกนำ 1-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง ไบรท์ตัน ตามตีเจ๊าได้จาก แดนนี่ เวลเบ็ค ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บไปแล้วหนึ่งนาที หมดเวลาการแข่งขัน เสมอ 1-1 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งคะแนน
อย่างไรก็ตาม “สิงโตน้ำเงินคราม” สามารถแซงหน้า ลิเวอร์พูล ขยับขึ้นรั้งรองจ่าฝูง แข่ง 20 นัด มี 44 คะแนน เหนือกว่า “หงส์แดง” ที่แข่งน้อยกว่าหนึ่งเกมเพียงแต้มเดียว และไล่ตามหลัง “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงอยู่ถึง 8 คะแนน ส่วน ไบรท์ตัน อยู่อันดับ 10 แข่ง 18 นัด มี 24 แต้ม
ด้าน “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ ต้องยกพลบุกไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด ทีมน้องใหม่ ที่เบรนท์ฟอร์ด คอมมูนิตี้ สเตเดี้ยม นัดนี้ทีมเยือนของกุนซือ “เป๊ป” โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า ปรับทัพบางตำแหน่ง โดยแนวรุกให้ ฟิล โฟเด้น และ แจ็ค กรีลิช กลับมาประสานงานร่วมกับ กาเบรียล เชซุส ส่วนเจ้าบ้านของกุนซือ โธมัส แฟรงค์ มีนักเตะขาดหายไปหลายคน และต้องปรับแนวรุกให้ โยอาเน่ วิสซ่า ลงไปยืนเป็นกองหน้าคู่กับ อีวาน โทนีย์
เริ่มเกมไปเพียง 16 นาที “เรือใบสีฟ้า” ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก ฟิล โฟเด้น จบครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ ออกนำไปก่อน 1-0 เข้าสู่ครึ่งหลังไม่มีการล่าตาข่ายเพิ่มเติม หมดเวลาการแข่งขัน ทีมเยือนเป็นฝ่ายเฉือนชนะ 1-0 ทำให้ แมนฯ ซิตี้ ยังคงรั้งจ่าฝูง แข่ง 20 นัด มี 50 คะแนน นำหน้า “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ทีมอันดับ 2 ห่างถึง 8 คะแนน ส่วน เบรนท์ฟอร์ด อยู่อันดับ 14 แข่ง 18 นัด มี 20 คะแนน