ศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันที่ 20 มี.ค. “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ ยกพลบุกไปเยือน “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน ที่เซนต์ แมรีส์ สเตเดี้ยม เกมนี้ “เป๊ป” โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า กุนซือทีมเยือนมีการปรับทัพบางตำแหน่ง แต่ยังให้พวกแข้งดังลงสนามหลายคนเลย โดยแดนกลางวาง เควิน เดอ บรอยน์ คุมเกมร่วมกับ อิลคาย กุนโดกาน ส่วนแนวรุกให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ กาเบรียล เชซุส กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงร่วมกับ แจ็ค กรีลิช ด้านเจ้าบ้านของกุนซือ ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิ่ล ปรับเปลี่ยนผู้เล่นบางราย โดยให้ เชน ลอง ลงไปยืนเป็นกองหน้าคู่กับ อดัม อาร์มสตรอง
ในช่วงครึ่งแรก “เรือใบสีฟ้า” ขึ้นนำไปก่อนจาก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ในนาที 12 แต่เจ้าบ้านตามทวงคืนได้จาก อายเมริก ลาปอร์ก กองหลังทีมเยือนสกัดพลาดเข้าประตูตัวเองในช่วงทดเจ็บไปแล้ว 2 นาที จบ 45 นาทีแรก เสมอ 1-1 เข้าสู่ครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ ซัดเพิ่มได้อีก 3 ลูกจาก เควิน เดอ บรอยน์ จุดโทษในนาที 61, ฟิล โฟเด้น ในนาที 75 และ ริยาด มาห์เรซ ในนาที 78 หมดเวลาการแข่งขัน แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายบุกไปชนะ 4-1 จึงได้ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปดวลแข้งกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กันต่อไป
หลังจบเกม โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า กุนซือ “เรือใบสีฟ้า” พอใจผลงานของลูกทีมที่เก็บชัยจากเกมที่ยากลำบากเอาไว้ได้ เพราะว่า เซาแธมป์ตัน คือหนึ่งในทีมที่มีระบบการเล่นดีที่สุดที่ได้พบเจอในฤดูกาลนี้เลยด้วย ดูได้จากผลการพบกันในศึกพรีเมียร์ลีกทั้ง 2 เกมที่ลงเอยด้วยผลเสมอทั้งหมด และประกาศกร้าวพร้อมให้ลูกทีมเน้นทุกเกมที่เหลือเหมือนเล่นนัดชิง เพื่อลุ้นกวาด 3 แชมป์ที่ยังมีลุ้นอยู่ในฤดูกาลนี้ให้ได้ทั้งหมดเลย เพราะตอนนี้ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ได้แล้ว รวมถึงการตบเท้าเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยังคงเป็นทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอยู่ด้วย จึงพร้อมกำชับให้ลูกทีมเล่นทุกเกมที่เหลือในช่วงหลังจากนี้ให้เป็นเหมือนการลงสนามในรอบชิงชนะเลิศ เพราะต้องให้ความสำคัญกับทุกเกมที่เหลืออยู่นั่นเอง
สรุปผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย
คริสตัล พาเลซ ชนะ เอฟเวอร์ตัน 4-0
เซาแธมป์ตัน แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-4
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1