พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนฯ ซิตี้ VS เลสเตอร์
สนาม : อิติฮัด สเตเดี้ยม
เวลา : 22.00 น.
แมนฯ ซิตี้
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ วัตฟอร์ด 3-1 (เยือน)
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม : แพ้ แอร์เบ ไลป์ซิก 1-2 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 7-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ นิวคาสเซิ่ล 0-4 (เยือน)
“เป๊ป” โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า กุนซือ “เรือใบสีฟ้า” จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่บุกไปชนะ นิวคาสเซิ่ล 4-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพื่อลุ้นเก็บชัยรั้งจ่าฝูงต่อไป เพราะตอนนี้ยังคงอยู่อันดับ 1 แข่ง 18 นัด มี 44 คะแนน นำหน้า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 2 อยู่ 3 แต้ม จึงพร้อมให้พวกดาวดังลงสนามไปเลย เพราะไม่มีแข้งหลักได้รับบาดเจ็บ แนวรับจะให้ รูเบน ดิอาส ยืนคู่กับ อายเมริก ลาปอร์ก แดนกลางวาง โรดรี้ คุมเกมร่วมกับ เควิน เดอ บรอยน์ แนวรุกน่าจะใช้ ริยาด มาห์เรซ, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็น 3 ประสานในแดนหน้า
รายชื่อ 11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
ผู้รักษาประตู : เอแดร์ซอน โมราเอส
แนวรับ : เจา คันเซโล่, รูเบน ดิอาส, อายเมริก ลาปอร์ก, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้
แดนกลาง : อิลคาย กุนโดกาน, โรดรี้, เควิน เดอ บรอยน์
กองหน้า : ริยาด มาห์เรซ, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
เลสเตอร์
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ เซาแธมป์ตัน 2-2 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-2 (เยือน)
ยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม : แพ้ นาโปลี 2-3 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ นิวคาสเซิ่ล 4-0 (เหย้า)
คาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย : เสมอ ลิเวอร์พูล 3-3 (เยือน)
เบรนแดน รอดเจอร์ส กุนซือ “จิ้งจอกสยาม” จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่บุกไปเสมอ ลิเวอร์พูล 3-3 ในศึกคาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะเป็นฝ่ายแพ้ในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน โดยตอนนี้อยู่อันดับ 9 แข่ง 16 นัด มี 22 คะแนน แม้จะมีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในสโมสร ทำให้นักเตะหลายๆ คนมีปัญหาเรื่องสภาพความฟิตไปด้วย แต่ยังใช้งานพวกแข้งหลักได้อีกหลายคน ทว่าแนวรับยังต้องรอเช็กสภาพร่างกายของ จอนนี่ อีแวนส์ กับ ชักลาร์ โซยุนชู หากลงไม่ได้จะขยับ วิลฟรีด เอ็นดิดี้ กับ ไรอัน เบอร์ทรานด์ ให้ลงไปยืนร่วมกับ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด แดนกลางน่าจะถอย เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ ลงไปคุมเกมคู่กับ ยูริ ติเลอมองส์ แนวรุกน่าจะให้ อเดโมล่า ลุคแมน กับ เจมส์ แมดดิสัน เป็นตัวริมเส้น ส่วน เจมี่ วาร์ดี้ น่าจะฟิตมากพอสำหรับการสวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้า
รายชื่อ 11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 5-4-1
ผู้รักษาประตู : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล
แนวรับ : มาร์ค อัลไบรท์ตัน, วิลฟรีด เอ็นดิดี้, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, ไรอัน เบอร์ทรานด์, ลุค โธมัส
แดนกลาง : อเดโมล่า ลุคแมน, เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์, ยูริ ติเลอมองส์, เจมส์ แมดดิสัน
กองหน้า : เจมี่ วาร์ดี้
ความน่าจะเป็น
ฟอร์มดีแบบต่อเนื่องเลย สำหรับ แมนฯ ซิตี้ เพราะเก็บชัยในศึกพรีเมียร์ลีกได้ถึง 8 เกมติดต่อกัน และยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงได้แบบเหนียวแน่นเลยด้วย แถมยังสามารถใช้งานพวกแข้งดังได้เกือบทั้งหมดเลยด้วย ส่วน เลสเตอร์ เจอปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของโควิดเล่นงานด้วยเหมือนกัน จึงส่งผลกระทบต่อผลงานของทีมที่ไม่คงเส้นคงวา เพราะนักเตะมีปัญหาเรื่องสภาพร่างกายที่ไม่ฟิตสมบูรณ์ และเจอโรคเลื่อนไม่ได้ลงเตะในศึกพรีเมียร์ลีกตามโปรแกรมมาแล้วถึง 2 เกมแล้ว คาดว่า “เรือใบสีฟ้า” มีความสดกว่าน่าจะคว้าชัยในถิ่นตัวเองได้สำเร็จ
ผลที่คาด : แมนฯ ซิตี้ ชนะ เลสเตอร์ 2-0
โปรแกรมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
22.00 น. แมนฯ ซิตี้ VS เลสเตอร์
22.00 น. นอริช VS อาร์เซนอล
22.00 น. สเปอร์ส VS คริสตัล พาเลซ
22.00 น. เวสต์แฮม VS เซาแธมป์ตัน
00.30 น. แอสตัน วิลล่า VS เชลซี
03.00 น. ไบรท์ตัน VS เบรนท์ฟอร์ด