ศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อคืนวันที่ 5 ก.พ. “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ เปิดรังอิติฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม เกมนี้ “เป๊ป” โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า กุนซือเจ้าบ้านให้พวกแข้งดังลงสนามในหลายตำแหน่ง โดยแดนกลางวาง เควิน เดอ บรอยน์ คุมเกมร่วมกับ อิลคาย กุนโดกาน ส่วนแนวรุกจัดเต็มให้ แจ็ค กรีลิช ลงไปประสานงานกับ ฟิล โฟเด้น และ ริยาด มาห์เรซ ส่วนทีมเยือนของกุนซือ มาร์โก ซิลวา จัดผูเล่นชุดใหญ่ลงสนามไปเลย โดยวาง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ กับ แฮร์รี่ วิลสัน เป็นตัวปั้นเกมอยู่ด้านหลังของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช กองหน้าตัวเก่ง
ในช่วงครึ่งแรก ฟูแล่ม ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ตั้งแต่นาที 4 หลังจากนั้น “เรือใบสีฟ้า” ยิงแซง 2 ประตูรวดจาก อิลาย กุนโดกาน ในนาที 6 และ จอห์น สโตนส์ ในนาที 13 จบครึ่งแรก แมนฯ ซิตตี้ ออกนำ 2-1 เข้าสู่ครึ่งหลัง เจ้าบ้านคุมเกมเอาไว้ได้แบบอยู่หมัด และซัดเพิ่มได้อีก 2 เม็ดจาก ริยาด มาห์เรซ ซัดเบิ้ลเหมาคนเดียว 2 ประตู เริ่มจากจุดโทษในนาที 53 และยิงปิดท้ายในนาที 57 หมดเวลาการแข่งขัน แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายชนะ 4-1 และได้ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบ 5 ไปเลย
หลังจากเกม โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า กุนซือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รู้สึกพอใจผลงานของลูกทีมที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบ่อไปได้สำเร็จ แต่ยอมรับว่า ฟูแล่ม ทำให้ลูกทีมของเขาต้องออกแรงเหนื่อยมากๆ เพราะทีมแกร่งจากการรั้งจ่าฝูงเดอะแชมเปี้ยนชิพอยู่ด้วย จึงทำให้ทีมของเขาต้องพบกับงานที่ยากลำบาก และโดนยิงนำไปก่อนตั้งแต่ช่วงต้นเกมเลยด้วย แต่ต้องชมลูกทีมที่ยังคงร่วมใจกันกันสู้จนยิงแซงกลับมาคว้าชัยได้แบบสวยงาม โดยเฉพาะ ริยาด มาห์เรซ ที่เพิ่งกลับมาจากการรับใช้ทีมชาติแอลจีเรียในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ แต่กลับเล่นได้แบบไม่มีการเหนื่อยล้าจากการยิงคนเดียว 2 ประตูในช่วงครึ่งหลังนั่นเอง
ด้าน มาร์โก ซิลวา กุนซือ “เจ้าสัวน้อย” ชื่นชมลูกทีมทำดีที่สุดแล้ว เพราะสามารถสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับของ แมนฯ ซตี้ ได้ในหลายๆ จังหวะ แต่ยอมรับว่ามีศักยภาพเป็นรองทีมเจ้าบ้านเยอะมาก จึงต้องพบกับความพ่ายแพ้ไปในที่สุด