ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันที่ 30 ธ.ค. “ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ เบิร์นลีย์ เกมนี้เจ้าบ้านของกุนซือ ราล์ฟ รังนิค ปรับทัพหลายตำแหน่งเลย โดยแนวรุกให้ เมสัน กรีนวู้ด กับ จาดอน ซานโซ่ สวมบทเป็นตัวปั้นเกม และให้ เอดินสัน คาวานี่ ลงไปยืนเป็นกองหน้าคู่กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ด้านทีมเยือนของกุนซือ ฌอน ไดช์ มีการปรับเปลี่ยนทีมหลายอย่าง เพราะเจอปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย แต่ยังคง อารอน เลนนอน เป็นตัวปั้นเกมอยู่ด้นหลังของ คริส วู้ด กองหน้าร่างใหญ่
เริ่มเกมไปเพียง 8 นาที “ปีศาจแดง” ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และหนีห่างออกไปอีก 2 เม็ดจาก เบน มี กองหลังทีมเยือนทำเข้าประตูตัวเองในนาที 27 และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในนาที 35 หลังจากนั้น เบิร์นลีย์ ตีไข่แตกได้จาก อารอน เลนนอน ในนาที 38 เข้าสู่ครึ่งหลังไม่มีการยิงประตูเพิ่มเติม หมดเวลาการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายชนะ 3-1 ทำให้ “ปีศาจแดง” แซงหน้า “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 6 แข่ง 18 นัด มี 31 คะแนน และอยู่เหนือกว่า สเปอร์ส ซึ่งหล่นลงไปอยู่อันดับ 6 และแข่งน้อยกว่าหนึ่งเกมเพียงแต้มเดียวเท่านั้น ส่วน เบิร์นลีย์ ยังคงอยู่ในโซนท้ายตารางอันดับ 18 แข่ง 16 นัด มี 11 คะแนนเท่าเดิม
หลังจบเกม ราล์ฟ รังนิค กุนซือ “ปีศาจแดง” เอ่ยปากชมลูกทีมทำผลงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะนักเตะในแนวรุกที่ประสานงานกันได้แบบเข้าขามากขึ้น แม้ว่าตอนนี้จะไม่พบกับความพ่ายแพ้ถึง 8 เกมติดต่อกัน แต่ยังคงต้องปรับปรุงทีมกันต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้มีความลงตัวมากกว่านี้ และจะไม่บอกว่าอันดับ 4 คือเป้าหมายขั้นต่ำที่สุด เพราะขึ้นอยู่กับการพัฒนาทีมในขั้นต่อๆ ไปนั่นเอง ส่วนเรื่องของการซื้อแข้งใหม่ในช่วงตลาดนักเตะต้องเป็นไปแบบสมเหตุสมผล แต่จะยังไม่พูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า
ด้าน สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลาง แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นคนยิงประตูเบิกร่องในนัดนี้เอ่ยปากกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมต้องเล่นให้ดีกว่านี้ขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเรื่องของการยืนระยะให้ได้ตลอดทั้งเกม จึงยังคงต้องปรับปรุงเรื่องนี้กันต่อไป เพื่อจะได้ก้าวเดินไปข้างหน้าแบบทีละขั้นตามที่ผู้จัดการทีมได้แผนเอาไว้แล้ว