ศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 5 เมื่อคืนวันที่ 2 มี.ค. “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของ “นกขมิ้น” นอริช 2-1 เกมนี้ เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือเจ้าบ้านพักแข้งหลักเกือบยกทีม เพื่อให้ตัวสำรองลงสนาม โดยแดนกลางให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงไปคุมเกมร่วมกับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน และ เคอร์ติส โจนส์ ส่วนแนวรุกให้ ดิโอโก้ โจต้า หายเจ็บกลับมายืนล่าตาข่ายร่วมกับ ทาคูมิ มินามิโนะ และ ดิว็อค โอริกี้ ด้านทีมเยือนของกุนซือ ดีน สมิธ ให้พวกแข้งหลักลงสนามในบางตำแหน่ง แนวรับวาง เบน กิ๊บสัน ยืนคุมเกม แดนกลางให้ มัทธีอัส นอร์มันน์ ยืนคุมเกม ส่วนแนวรุกใช้ 3 ประสาน เปอร์เซมีสลาฟ ปลาเชต้า, มิลอต ราชิก้า และ ติมู ปุ๊กกี้
ในช่วงครึ่งแรก “หงส์แดง” ออกนำไปก่อน 2 ประตูจากการซัดเบิ้ลของ ทาคูมิ มินามิโนะ เหมาคนเดียวทั้งหมดในนาที 27 และ 39 จบ 45 นาทีแรก ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-0 เข้าสู่ช่วงครึ่งหลัง นอริช ไล่ตามมาได้จาก ลูคัส รัปป์ ในนาที 76 แต่สุดท้ายไล่ตามไม่ทัน หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายชนะ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเลย
หลังจบเกม เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือ “หงส์แดง” พอใจผลงานของลูกทีมในช่วงหลังคว้าแชมป์คาราบาว คัพ แม้จะมีการปรับเปลี่ยนทีมถึง 10 ตำแหน่ง และมีอาการเหนื่อยล้าจากการลงสนามแบบต่อเนื่องเลย จึงจำเป็นต้องมีการพักตัวในหลายๆ ตำแหน่ง แต่นักเตะทุกคนยังคงเล่นกันแบบมุ่งมั่น เพราะต้องการรักษาโอกาสลุ้นแชมป์รายการนี้ด้วยเช่นกัน จึงสามารถผ่านเข้ารอบได้ตามเป้า พร้อมกันนี้ยังได้เอ่ยปากชื่นชม ทาคูมิ มินามิโนะ ผู้ยิงนำชัยทั้ง 2 ประตูให้ทีมลอยลำได้สำเร็จ และสามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้เป็นอย่างดี เพราะทำหน้าที่เป็นตัวตัดสินเกมนั่นเอง
ขณะเดียวกัน คลอปป์ ได้เอ่ยถึงเรื่องที่ยังมีโอกาสนำทัพ ลิเวอร์พูล ลุ้นกวาด 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ด้วยว่ายังไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้ เพราะยังเหลือเกมการแข่งขันตามโปรแกรมในรายการต่างๆ อีกหลายนัดเลย จึงอยากจะมองไปข้างหน้าแบบนัดต่อนัดไปก่อนมากกว่า หลังจากที่ได้มาแล้วหนึ่งแชมป์ และยังเหลืออีก 3 รายการให้ได้ลุ้นกันต่อไป นั่นก็คือ แชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมป์เอฟเอ คัพ รวมถึงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วย