ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันที่ 12 มี.ค. “ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับ สเปอร์ส เกมนี้ ราล์ฟ รังนิค กุนซือ “ปีศาจแดง” ไร้ บรูโน่ แฟร์นันเดส มีอาการป่วย จึงต้องให้ เนมันย่า มาติช ลงไปคุมเกมแดนกลางร่วมกับ เฟรด และ ปอล ป็อกบา ส่วนแนวรุกได้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับมายืนล่าตาข่ายร่วมกับ จาดอน ซานโซ่ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ด้านทีมเยือนของกุนซือ อันโตนิโอ คอนเต้ ยังคงจัดทีมชุดใหญ่ลงสนาม นำทัพโดย 3 ประสานในแนวรุก ซน ฮึง-มิน, เดยัน คูลูเซฟสกี้ และ แฮร์รี่ เคน
ในช่วงครึ่งแรก “ปีศาจแดง” ออกนำไปก่อนจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในนาที 12 แต่ทีมเยือนตามทวงคืนได้จากลูกจุดโทษของ แฮร์รี่ เคน ในนาที 35 หลังจากนั้นเจ้าบ้านขึ้นนำอีกครั้งจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในนาที 38 จบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ออกนำ 2-1 เข้าสู่ครึ่งหลัง “ไก่เดือยทอง” ตามตีเจ๊าได้จาก แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลังเจ้าบ้านทำเข้าประตูตัวเองในนาที 72 แต่ “ปีศาจแดง” มาได้ประตูชัยจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในนาที 81
หมดเวลาการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายชนะ 3-2 แซงหน้า “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ได้อีกครั้ง แข่ง 29 นัด มี 50 คะแนน แต่ลงแข่งมากกว่า อาร์เซนอล ทีมอันดับ 5 อยู่ถึง 4 เกม และมีมากกว่าเพียง 2 แต้มเท่านั้น ส่วน ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ อยู่อันดับ 7 แข่ง 27 นัด มี 45 คะแนน
หลังจบเกม ราล์ฟ รังนิค กุนซือ “ปีศาจแดง” เอ่ยปากสดุดี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาสวมบทเป็นนายใหญ่แห่งถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่่อปลายปีก่อน พร้อมกับชื่นชมนักเตะทุกคนที่มีการตอบสนองได้ตามแบบที่ต้องการ เพื่อแก้ตัวจากนัดก่อนที่บุกไปแพ้ แมนฯ ซิตี้ แบบยับเยินถึง 1-4 จึงได้หวนกลับไปอยูอันดับ 4 ได้อีกครั้งด้วย
ขณะเดียวกัน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงทีมชาติโปรตุเกสของ “ปีศาจแดง” ได้สถาปนาตัวเองเป็นตำนานนักเตะที่ยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลด้วยจำนวน 807 ประตูจากการลงสนาม 1,110 นัดในทุกรายการ โดยก่อนหน้านี้ โจเซฟ บิคาน ตำนานกองหน้าผู้ล่วงลับชาวออสเตรียได้รับการจารึกชื่อจาก ฟีฟ่า หรือ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ให้เจ้าของสถิตินักเตะยิงประตูได้มากที่สุดในวงการลูกหนังด้วยจำนวน 805 ประตูจากการลงสนามในเกมระดับอาชีพไปทั้งหมด 530 นัด