สำหรับฤดูกาล 2022/2023 เซบีญ่า โชว์ฟอร์มในช่วงออกสตาร์ทลาลีกาได้อย่างย่ำแย่ จึงต้องหลุดจากกลุ่มหัวแถวเหมือนอย่างที่คุ้นเคย และต้องหล่นลงไปจมปลักอยู่ตรงโซนท้ายตารางคะแนนในพื้นที่ตกชั้นจนถึงขั้นรั้งตำแหน่งรองบ๊วยมาแล้วด้วย แถมยังกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มในศึกฟุตบอลสโมสรถ้วยใบใหญ่สุดของทวีป นั่นก็คือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกต่างหาก แต่ยังสามารถจบด้วยอันดับ 3 จึงได้สิทธิ์ลงไปโชว์ฝีเท้าในศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก ซึ่งเป็นถ้วยที่ถูกโฉลกกันมานานแล้ว นอกจากนี้ เซบีญ่า ยังมีการเปลี่ยนตัวกุนซือมาแล้วถึง 3 คน ไล่ตั้งแต่ ฆูเล็น โลเปเตกี อดีตกุนซือทีมชาติสเปน ซึ่งถูกไล่ออกจากตำแหน่งในช่วงเดือนตุลาคมปีก่อน และได้ย้ายไปรับงานคุมทีมลูกหนังในศึกพรีเมียร์ลีกให้กับ “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน ในเวลาต่อมา แม้ว่าหวังจากนั้นจะมีการดึงคนคุ้นเคย นั่นก็คือ ฮอร์เก้ ซามเปาลี อดีตกุนซือทีมชาติอาร์เจนติน่าให้กลับมารับงานคุมทีมเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เคยคุมทีมในช่วงฤดูกาล 2016/2017 มาแล้ว แต่ว่าทำผลงานได้ไม่ดีเหมือนอย่างที่หวังเอาไว้ จึงต้องแยกทางกันในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมาลงเอยกับ โฆเซ่ เมนดิลิบาร์ โค้ชจอมเก๋าชาวสเปนที่ไม่เคยผ่านงานคุมทีมใหญ่ๆ มาก่อนเลยด้วย เพราะว่าเคยคุมแต่ทีมเล็กๆ ในศึกลาลีกาเสียเป็นส่วนใหญ่นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น เรอัล บายาโดลิด, เออิบาร์, เลบันเต้ รวมถึง เดปอร์ติโบ อลาเบส เป็นต้น แต่สามารถใช้ประสบการณ์ที่เคยผ่านงานคุมทีมลูกหนังมาแบบโชกโชนได้อย่างดี
ทำให้ เซบีญ่า สามารถคืนฟอร์มเก่งได้ในช่วงเวลาเพียงแค่ 2 เดือนกว่าๆ และได้สร้างผลงานระดับสุดยอดในศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก จากการเขี่ย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย และสามารถพิชิตชัยเหนือ ยูเวนตุส ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ในรอบรองชนะเลิศได้ด้วย จึงได้ทะยานขึ้นไปสัมผัสถ้วยแชมป์ “เบอร์สอง” ของทวีปยุโรปอีกครั้งในช่วงหลังจบเกมนัดชิงชนะเลิศ เพราะเป็นฝ่ายเฉือนชนะ โรม่า ในช่วงดวลจุดโทษตัดสินนั่นเอง และอุดมไปด้วยนักเตะฝีเท้าดีหลายคนเลยด้วย โดยเฉพาะ 3 นักเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ประกอบไปด้วย มาร์คอส อคูญ่า, กอนซาโล่ มอนเทียล รวมถึง ปาปู โกเมซ และมีผู้เล่นชื่อดังให้เลือกใช้งานได้อีกหลายคนเลย ไม่ว่าจะเป็น ยาซีน โบโน่ ผู้รักษาประตูจอมหนึบทีมชาติโมร็อคโกชุดคว้าอันดับ 4 ในศึกฟุตบอลโลก 2022, เฆซุส นาบาส กัปตันทีมจอมเก๋าชาวสเปน, อีวาน ราคิติช กองกลางจอมเก๋าชาวโครแอต รวมถึง อเล็กซ์ เตลเลส แบ็กซ้ายทีมชาติบราซิลที่ยืมตัวมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เซบีญ่า ยังคงเป็นเจ้าของสถิติไร้เทียมทานในศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก เพราะถ้าได้ผ่านเข้าถึงนัดชิงแล้วจะลงเอยด้วยการคว้าแชมป์ทุกครั้งแบบ 100% นั่นเอง โดยก่อนหน้านี้เคยทำได้มาแล้วถึง 6 ครั้งเลยทีเดียว ไล่ตั้งแต่ 2 ครั้งแรกในยุคบุกเบิกของกุนซือ ฆวนเด้ รามอส สามารถป้องกันแชมป์รายการนี้ได้ถึง 2 สมัยติดต่อกัน โดยประเดิมนัดชิงครั้งแรกเมื่อปี 2006 เป็นฝ่ายไล่ถล่ม มิดเดิลสโบรช์ 4-0 ส่วนนัดชิงครั้งที่ 2 เมื่อปี 2007 เป็นฝ่ายเฉือนชนะ เอสปันญอล ในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน หลังจากนั้น เซบีญ่า ในยุคของกุนซือ อูไน เอเมรี่ สามารถป้องกันแชมป์ได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน ไล่ตั้งแต่นัดชิงครั้งที่ 3 เมื่อปี 2014 เฉือนชนะ เบนฟิก้า ในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน ตามมาด้วยนัดชิงครั้งที่ 4 เมื่อปี 2015 เป็นฝ่ายเฉือนชนะ ดนิโปร 3-2 และนัดชิงครั้งที่ 5 เมื่อปี 2016 เป็นฝ่ายชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 ส่วนนัดชิงครั้งที่ 6 เมื่อปี 2020 โดยตอนนั้นอยู่ภายใต้การคุมทัพของกุนซือ ฆูเล็น โลเปเตกี และเป็นฝ่ายเฉือนชนะ อินเตอร์ มิลาน 3-2 รวมถึงล่าสุดในนัดชิงครั้งที่ 7 เป็นฝ่ายเฉือนชนะ โรม่า ตอนดวลเป้าตัดสินในฤดูกาลนี้นั่นเอง
นอกจากนี้ เซบีญ่า ยังเป็นผู้เปิดซิง โจเซ่ มูรินโญ่ ยอดกุนซือชาวโปรตุกีสให้ต้องลิ้มรสกับความพ่ายแพ้จากเกมนัดชิงฟุตบอลสโมสรยุโรปเป็นครั้งแรกไปเลยด้วย เพราะว่าก่อนหน้านี้ได้ขึ้นแท่นเป็น “ราชานัดชิง” ในฐานะเจ้าของสถิติไร้พ่ายจากเกมนัดชิงฟุตบอลยุโรป และสามารถนำทีมต่างๆ พบกับความสมหวังในนัดชิงแบบ 100% จากการลงเอยด้วยตำแหน่งแชมป์มาแล้วถึง 5 ครั้งนั่นเอง ไล่ตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อตอนที่คุมทัพ ปอร์โต้ คว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ ซึ่งเป็นชื่อเดิมของถ้วยยูฟ่า ยูโรปาลีก ได้จากการเฉือน เซลติก 3-2 ในนัดชิงเมื่อปี 2004 ตามมาด้วยครั้งที่ 2 เมื่อตอนที่คุมทัพ ปอร์โต้ คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้จากการไล่ต้อน โมนาโก 3-0 ในนัดชิงเมื่อปี 2004 ส่วนครั้งที่ 3 เมื่อตอนที่คุมทัพ อินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้จากการเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-0 ในนัดชิงเมื่อปี 2010 ไปต่อกันด้วยครั้งที่ 4 เมื่อตอนที่คุมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรปาลีก ได้จากการเอาชนะ อาแจ๊กซ์ 2-0 ในนัดชิงเมื่อปี 2017 และปิดท้ายด้วยครั้งที่ 5 เมื่อตอนที่คุมทัพ โรม่า เข้าป้ายแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟเรนซ์ลีก ได้จากการเฉือนชนะ เฟเยนูร์ด 1-0 ในนัดชิงเมื่อปี 2022 แต่ว่าเพิ่งลงเอยด้วยความผิดหวังในนัดชิงเป็นครั้งแรก เพราะเป็นฝ่ายแพ้ในนัดชิงยูฟ่า ยูโรปาลีก ประจำฤดูกาลนี้นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม มูรินโญ่ ยังคงเป็นเจ้าของสถิติกุนซือที่สามารถกวาดแชมป์สโมสรยุโรปได้ครบทั้ง 3 รายการเหมือนเดิม เพราะว่าเคยได้สัมผัสถ้วยแชมป์ใบใหญ่สุด นั่นก็คือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งเป็นถ้วย “เบอร์หนึ่ง” ของทวีปมาแล้วถึง 2 ครั้ง เมื่อตอนที่คุมทัพ ปอร์ดต้ ในปี 2003 และ อินเตอร์ มิลาน ในปี 2010 นอกจากนี้ยังเคยได้ชูถ้วยแชมป์ “เบอร์สอง” ของทวีป นั่นก็คือ ยูฟ่า ยูโรปาลีก มีแล้วถึง 2 ครั้งด้วยเช่นกัน เมื่อตอนสมัยที่คุมทัพ ปอร์โต้ ในปี 2003 และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2017 ตบท้ายด้วยถ้วย “เบอร์ 3” นั่นก็คือ ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟเรนซ์ลีก ซึ่งเป็นรายการใหม่สุดที่เพิ่งเริ่มฟาดแข้งกันเมื่อช่วงฤดูกาลก่อน และได้จารึกชื่อว่าเป็นกุนซือคนแรกที่ได้ประเดิมคว้าแชมป์รายการนี้จากการนำทัพ โรม่า ป็นฝ่ายสมหวังในนัดชิงเมื่อปีก่อนไปด้วยเลย
ส่วน เซบีญ่า ยังคงเป็นตัวตึงในถ้วย “เบอร์สอง” ของทวีปยุโรป และจะได้ตั๋วไปโชว์ฝีเท้าในรอบแบ่งกลุ่มของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ช่วงฤดูกาลหน้าแบบไม่ต้องสนใจอันดับบนตารางคะแนนลาลีกาว่าจะต้องเกาะกลุ่ม “ท็อปโฟร์” ใน 4 อันดับแรกหรือไม่เลยด้วย เพราะว่าได้รางวัลตามโควตาของทีมแชมป์ยูฟ่า ยูโรปาลีก เหมือนอย่างที่คุ้นเคยอยู่แล้วนั่นเอง