ศึกฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 เมื่อคืนวันที่ 17 มี.ค. “ขุนค้อน” เวสต์แฮม เปิดรังลอนดอน สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ เซบีญ่า เจ้าของสถิติคว้าแชมป์รายการนี้ได้มากที่สุดถึง 6 สมัยเกมนี้ เดวิด มอยส์ กุนซือเจ้าบ้านปรับทัพบางตำแหน่ง แต่แดนกลางยังคงให้ ดีแคลน ไรซ์ คุมเกมร่วมกับ โทมัส ซูเช็ค ส่วนแนวรุกไร้ ยาร์ร็อด โบเว่น ได้รับบาดเจ็บ จึงให้ ซาอิด เบนราห์ม่า ลงไปประสานงานกับ ปาโบล ฟอร์นาลส์ และ มิคาอิล อันโตนิโอ หลังจากนัดแรกบุกไปแพ้มาก่อน 0-1 ด้านทีมเยือนของกุนซือ ฆูเล็น โลเปเตกี ปรับเปลี่ยนผู้เล่นบางตำแหน่ง โดยแนวรุกไม่มี ลูคัส โอคัมโปส ติดโทษแบน จึงต้องให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยัล ลงไปยืนล่าตาข่ายร่วมกับ เฆซุส โคโรน่า และ ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่
ในช่วงครึ่งแรก เวสต์แฮม ออกนำไปก่อนจาก โทมัส ซูเช็ค ในนาที 39 เข้าสู่ครึ่งหลังไม่มีการยิงประตูเพิ่มเติม จบ 90 นาที “ขุนค้อน” เป็นฝ่ายชนะ 1-0 แต่เมื่อรวมผล 2 นัด เสมอ 1-1 จึงต้องเล่นช่วงต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาทีเพื่อตามหาผู้ชนะกันต่อไป และเป็นฝ่ายเจ้าบ้านมาได้ประตูชัยจาก อังเดร ยาร์โมเลนโก้ ในนาที 112 จบ 120 นาที เวสต์แฮม เป็นฝ่ายชนะ 2-0 รวมผล 2 นัด “ขุนค้อน” ชนะด้วยสกอร์รวม 2-1 ได้ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเลย
หลังจบเกม เดวิด มอยส์ กุนซือ “ขุนค้อน” สุดปลื้มผลงานของลูกทีมที่สามารถเอาชนะ เซบีญ่า ซึ่งได้รับการยกให้เป็นหนึ่งทีมเต็งแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ และช่วยยกระดับจากทีมที่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยมาโดยตลอดให้กลายเป็นทีมที่ทำผลงานในเกมระดับยุโรปได้แบบน่าประทับใจด้วย
ด้าน ฆูเล็น โลเปเตกี กุนซือ เซบีญ่า สุดผิดหวังผลงานของลูกทีมที่ยังคงมีปัญหาเรื่องเกมรุก ทั้งๆ ที่มีโอกาสจบสกอร์ได้อยู่หลายครั้ง แต่กลับขาดความเฉียบขาดมาหลายเกมด้วย ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องกลับไปแก้ไขอีกต่อไป พร้อมกับเอ่ยปากชมทีมเจ้าบ้านที่เล่นกันได้อย่างแข็งแกร่งจริงๆ จึงสมควรเป็นฝ่ายเข้ารอบมากกว่าทีมของเขา